เริ่มเล่นภายใน วินาที
จากกรณีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ที่นำรถยนต์ส่วนตัววิ่งรับ-ส่งผู้โดยสารผ่านแอปพลิเคชัน Uber และ GrabCar เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 โดยมีการสกัดกั้นขอเข้าตรวจค้นรถยนต์ของสาวรายหนึ่งที่เชื่อเป็นอูเบอร์ แต่สุดท้ายแล้วไม่ใช่ ซึ่งเธอเป็นเพียงคนที่ขับรถมารับเพื่อนร่วมงานชาวต่างชาติเท่านั้น ซึ่งต่อมาทราบว่าสาวรายนี้เป็นนักจัดรายการวิทยุที่เชียงใหม่ และเธอก็ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Peak Plaza แสดงความไม่พอใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า
ไม่มีอะไรทำกันเหรอคะ ชีวิตนี้ เปี๊ยกคงว่างมากที่จะไปขับ UBER อะนะ เรื่องคือ Agent ชา AHMAD tea london จากกรุงเทพ บินมาช่วยเตรียมงาน Lanna Expo เลยให้เปี๊ยกไปรับ แต่ เปี๊ยกโดนล้อมรถ แล้ว เจ้าหน้าที่จะเข้ามาจับ เพราะ คิดว่า เป็น UBER ตบกระโปรงรถ ตะโกนเสียงดัง ผู้ชายทั้งนั้น แมนมากค่ะคุณ แล้วก็มีคนเดินมาขอดูใบขับขี่ครับ เปี๊ยก แล้วคุณ เป็นใคร จะมาดูใบขับขี่มีอำนาจอะไร จะดู อีกพวกก็ ยืนกดมือถือถ่ายรูป ว่างมากใช่ไหมคะคุณ เปี๊ยกส่งสายตาพิฆาต ตะโกน ไป เรียก แท็กซี่สนามบิน ต้อม มาบอก พวก เขาสิ เปี๊ยกเป็นใคร สุดท้าย ก้มหัว ขอโทษ ครับ ๆๆๆ นึกว่า UBER หมู่สูนินา บ่าผ่อ เลย เชิญ ครับ ๆๆๆ แทบ จะ กราบ ละ งานนี้ ลักไล่ รำคาญ เอาเวลา ไปทำอย่างอื่นมั๊ย เดียวแม่ ก็ ขว้างด้วย naruto spinner เลย หึหึ
ด้านนางสาวอริษฐพัชร์ เพื่อไทย หรือ ดีเจเปี๊ยก นักจัดรายการวิทยุในจังหวัดเชียงใหม่ เผยวันดังกล่าวเป็นวันที่ตนเองขับรถยนต์ส่วนตัวไปรับเพื่อนร่วมงานชาวต่างชาติที่สนามบินเชียงใหม่ เพื่อจะไปเตรียมร่วมงาน Lanna Expo แต่อยู่ ๆ กลับมีกลุ่มคนมารุมล้อมที่รถของตนพร้อมกับตะโกนเสียงดัง ใช้มือตบที่ฝากระโปรงรถ รวมทั้งมีการถ่ายรูปถ่ายวิดีโอตนเอง ก่อนที่จะมีกลุ่มเจ้าหน้าที่เข้ามาขอตรวจสอบ โดยเข้าใจว่าตนเองเป็น Uber หรือ Grab และเมื่อตนเองยืนยันว่าไม่ใช่ ทางเจ้าหน้าที่เองก็ได้มีการกล่าวขอโทษ ซึ่งในขณะนั้นตนเองยอมรับเลยว่ารู้สึกตกใจและโกรธมาก รวมถึงเพื่อนร่วมงานชาวต่างชาติด้วยก็รู้สึกตกใจและเกิดความรู้สึกที่แย่เช่นกัน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นที่บริเวณท่าอากาศยานเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจุดแรกที่ผู้คนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึง จากที่จะรู้สึกประทับใจกลับต้องมาเจอกับเหตุการณ์ลักษณะนี้
ดีเจเปี๊ยก กล่าวอีกว่า ใจจริงแล้วตนเองไม่ได้สนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งฝ่าย Uber หรือ Grab และฝ่ายสี่ล้อแดง หรือแท็กซี่ในเชียงใหม่ เพราะตนเองนั้นก็เข้าใจดีว่าทุกคนก็ต้องทำมาหากินเหมือนกัน แต่วิธีการแก้ไขปัญหาในลักษณะนี้ อาจไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ซึ่งนอกจากจะไม่ใช่วิธีที่ช่วยแก้ไขปัญหาที่จริงแล้ว ยังอาจจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ที่ดีงามของจังหวัดเชียงใหม่ด้วย
ที่มา Facebook / Peak Plaza Facebook / กูรูเชียงใหม่ เรื่องเชียงใหม่กูรู้