เริ่มเล่นภายใน วินาที
สัมผัสธรรมชาติที่ "ภูสิงห์" จังหวัดบึงกาฬ
ห้องเรียนธรรมชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์และป่าดงสีชมพู
การเดินทาง จากตัวเมืองบึงกาฬ เดินทางตามถนน 212 จนถึงแยกบ้านโคกก่อง ให้เลี้ยวขวาไปทางบ้านโนนไทรทอง ตั้งแต่แยกบ้านโคกก่อง มีป้ายบอกทางชัดเจน ขับรถยนต์ประมาณ 30 นาที จากตัวเมืองบึงกาฬ
เราเดินทางไปถึงภูสิงห์ช่วงเย็น ตั้งใจมากางเต้นท์ แล้วตื่นแต่เช้า ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ที่นี่มีเต้นท์ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว และสำหรับ ใครที่ไม่สะดวกกางเต้นท์ ก็มีห้องพักอย่างดีไว้คอยบริการ มีครัว และห้องน้ำสะดวกสบาย
ในช่วงเช้าจะมีเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นอาสาสมัคร ที่เป็นชาวบ้านแถวนั้น มาคอยบริการรถปิคอัพพาเที่ยวด้านบน คันละ 500 บาท จะมีเจ้าหน้าที่ไปกับเรา และคอยแนะนำ ให้ข้อมูล เกี่ยวกับ สถานที่จุดต่างๆ ด้วย (บอกเลย ดูแลดีมาก) สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเอารถขึ้นเอง ทางภูสิงห์อนุญาตให้เฉพาะ รถยนต์เท่านั้น ส่วนรถที่จะขึ้นไป แนะนำว่าควรเป็นรถที่สูงๆ หน่อย เพราะมีก้อนหินใหญ่ๆ ตามทางเป็นช่วงๆ แต่ไม่ต้องถึงกับ 4WD ก็ได้
จุดแรกที่เจ้าหน้าที่จะพาไปก็คือ หินสามวาฬ ที่เป็นไฮไลท์ของภูสิงห์เลย จะมีหิน 3 ก้อน แต่ละก้อนนี่ใหญ่มากกกกกกจริงๆ เป็นหินพ่อ แม่และลูกวาฬ พระอาทิตย์จะขึ้นด้านหน้าพอดี ถ้าใครไปช่วงมีหมอกจะเห็นทะเลหมอก กว้างไกลมาก เราไปไม่เจออ่ะ เลยได้วิวภูเขาไกลๆ มากฝากแทน T-T
จุดต่อมาเป็น จุดชมวิวถ้ำฤาษี อยู่ใกล้ๆ ตรงที่จอดรถลงไป ชมหินสามวาฬนั่นแหละ ตรงนี้เป็นหน้าผาหินยาวววว ชมพระอาทิตย์ขึ้น ก็สวยไม่แพ้กัน จากนั้นก็จะได้ไปที่ ถ้ำใหญ่ ต้องจอดรถเดินไป (พอได้เหงื่อ) ถ้ำใหญ่เป็นฐานของคอมมิวนิสต์เก่า เดินออกมาด้านบนก็เป็นจุดชมวิว ซึ่งอยู่บนถ้ำใหญ่นั่นเอง จุดที่ให้นักท่องเที่ยวไปชมได้มีหลายจุดเลย เช่น สมรภูมิภูสิงห์ กำแพงงภูสิงห์ หินช้าง หินหัวช้าง ประตูภูสิงห์ ตรงจุดนี้เป็น อีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาด เพราะสามารถมองเห็นวิวได้ 180 องศา และ มองได้ไกลจนสุดตาเลย มีจุดให้ไปยืนถ่ายรูปสวยๆ ด้วย แต่ต้องใจกล้า สักหน่อย
จุดชมวิวส้างร้อยบ่อ เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยมาก ด้านซ้าย มีหินก้อนใหญ่ ดูคล้ายเศียรพระพุทธรูปด้วย จากจุดนี้ยังมีลานธรรม เป็นก้อนหินใหญ่ ลักษณะคล้ายสิงห์หมอบอยู่ และยังเป็นที่ประดิษฐาน ขององค์หลวงพ่อพระสิงห์อีกด้วย